ต้นกำเนิดหวยรัฐบาล สลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนประวัติสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้งแต่ราคา 1 บาท สู่ สลากใบละ 80 บาท ในปัจจุบัน ย้อนรอย ” สลากกินแบ่งรัฐบาล ” ของไทย เริ่มแรกเมื่อ 147 ปีก่อน จากถูกรางวัลที่ 1 รางวัล 8,000 บาท มาจนถึงปัจจุบัน ที่มีราคาจำหน่ายฉบับละ 80 บาท เงินรางวัลที่ 1 กว่า 6,000,000 บาท
ต้นกำเนิดหวยรัฐบาล
ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน โดยประมาณ เป็นวันแห่งความหวัง จากเลขเด็ดสู่เส้นทางรวยของคอหวย หรือนักลงทุนผ่านสลากกินแบ่งรัฐบาล จะต้องมารอลุ้นเลขรางวัลกันคึกคัก ในอดีตมักจะรวมตัวกันหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้านใดบ้านหนึ่ง หรือลุ้นกันผ่านเสียงวิทยุ แม้ปัจจุบันรูปแบบจะเปลี่ยนแปลงไปสู่หน้าโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่การลุ้นหวยก็ยังคงอยู่
จริงๆแล้ว ” หวย ” เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ข้อมูลจากหอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ อธิบายไว้ว่า จุดเริ่มต้นของการเล่นหวยนั้น เกิดขึ้นราวๆ 1,300 ปีก่อน สำหรับในประเทศไทย มีหลักฐานว่า ” หวย ” น่าจะเกิดขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ 2 จากการที่คนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และนำ หวยจับยี่กี เข้ามาเล่นในหมู่คนจีนด้วยกัน เมื่อเจ้ามือได้กำไรจากการเล่นหวยแล้ว ก็จะนำเงินมาบริจาคให้วังหลวง จนเกิดตำแหน่งขุนบาลหวยขึ้น หลังจากนั้น ปี 2517 สมัยรัชกาลที่ 5 จึงถือกำเนิดล็อตเตอรี่ไทยเป็นฉบับแรก
ต้นกำเนิดหวยรัฐบาล สลากกินแบ่งรัฐบาลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เว็บ RUAY จะพาไปไล่เรียงไทม์ไลน์ ตั้งแต่ต้นกำเนิด ของสลากกินแบ่งรัฐบาลในประเทศไทย ที่ให้คนไทยได้ลุ้นรางวัลกันมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีการส่งรายได้เข้ารัฐมากที่สุด โดยปี 2562 ส่งรายได้เข้ารัฐกว่า 41,916 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 9 เดือน ของปีงบประมาณ 2563 นำส่งรายได้ไปแล้วกว่า 34,304 ล้านบาท โดยวิวัฒนาการไทม์ไลน์ของสลากกินแบ่งรัฐสำคัญๆ มีดังนี้
ย้อนกลับไปราว 147 ปีก่อน หรือปีพ.ศ. 2517 ในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมทหารมหาดเล็ก ออก ” ลอตเตอรี่ ” เป็นครั้งแรกของประเทศไทย เนื่องจากในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งหลายๆ คนอาจเคยได้ยินชื่อ นายเฮนรี่ อาล บาสเตอร์ หรือรู้จักในชื่อ ครูอาลบาสเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นผู้อำนวยการในการออกลอตเตอรี่ โดยได้มีการศึกษาและทำตามแบบของยุโรป
- เริ่มพิมพ์ครั้งแรก 20,000 ฉบับ ราคาฉบับละ 1 ตำลึง หรือ 4 บาท โดยรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 100 ชั่ง หากเทียบตามมาตราเงิน จะเท่ากับราว 8,000 บาทในปัจจุบัน รางวัลที่ 2 ได้รับ 50 ชั่ง หรือราว 4,000 บาท และรางวัลที่ 3 ได้รับ 25 ชั่ง หรือ 2,000 บาท ซึ่งลอตเตอรี่ในยุคนั้นยังมีตัวเลขเพียง 4 หลักเท่านั้น ซึ่งขณะนั้นเลขรางวัลที่ออกครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 คือ 1672 ส่วนรางวัลที่ 2 คือ 1425 และรางวัลที่ 3 คือ 3662
- การออกลอตเตอรี่ครั้งที่ 2 นั้น ล่วงเลยมาอีกครั้งในปีพ.ศ. 2460 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ออกสลากลอตเตอรี่ของสภารักชาติ ประเทศอังกฤษ จำหน่ายใบละ 5 บาท โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินรางวัล เป็นสัญญาเงินกู้ของคณะกู้เงินในการสงคราม โดยมีสภารักชาติแห่งประเทศอังกฤษ สาขากรุงเทพ เป็นผู้ลงนาม และมีประเทศสหพันธรัฐมลายู เป็นผู้ค้ำประกัน
- และการออกลอตเตอรี่อีกครั้งหนึ่ง ในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นการออกลักษณะพิเศษ คือ ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท เพื่อหารายได้ ซื้อปืนพระราชทานให้กองเสือป่า และรัชกาลที่ 6 พระราชทานปืนรุ่นนี้ว่า ปืนพระราม 6 ซึ่งมีข้อมูลของหอจดหมายเหตุระบุว่า การออกลอตเตอรี่ครั้งนี้เงียบไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง
หลังจากนั้น 10 ปี ราวปีพ.ศ. 2476 รัฐบาลในขณะนั้นมีนโยบาย ที่จะลดการจัดเก็บเงินรัชชูปการ หรือเงินที่เรียกเก็บจากชายไทย ที่ไม่ต้องรับราชการทหาร ทำให้รัฐขาดรายได้ส่วนนี้ไป รวมถึงเพื่อนำรายได้ไปใช้จ่าย ในด้านการศึกษาและพยาบาล จึงเกิดโครงการออกลอตเตอรี่รัฐบาลขึ้น เรียกว่า ” ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม ” ให้กรมสรรพกรเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีการพิมพ์ออกจำหน่ายทั้งหมด 1 ล้านฉบับ ฉบับละ 1 บาท โดยใน 1 ปีจะออกรางวัล 4 งวด
ขณะเดียวกันในปีต่อมา คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยออก ” สลากกินบำรุงเทศบาล ” โดยวัตถุประสงค์คือ เพื่อนำเงินไปบำรุงกิจการทางเทศบาล ทั้งนี้กำหนดว่า หากเดือนไหนออกสลากให้งดจำหน่ายสลาก โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเดือน พฤศจิกายน 2478 และเริ่มออกสลากเดือน เมษายน 2479 ทั้งหมด 500,000 ใบ ฉบับละ 1 บาท ก็มีการออกสลากมาเรื่อยๆ
ยุคที่มีการดำเนินการสลากกินแบ่งรัฐจริงจัง คือ ปีพ.ศ. 2482 รัฐบาล พันเอกหลวงพิบูลสงคราม ได้โอนย้ายกิจการสลากกินแบ่งรัฐบาล และสลากบำรุงเทศบาล ให้มาสังกัดกระทรวงการคลัง และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งประธานกรรมการคนแรกคือ พระยาพรหมทัตศรีพิลาส หลังจากนั้นปีพ.ศ. 2494 ได้ตั้งกองการพิมพ์เพื่อพิมพ์สลากเอง หลังจากนั้นก็มีการออกสลากเรื่อยมา และมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น เช่น 2 บาท 3 บาท 4 บาท 6 บาท 10 บาท 20 บาท เป็นต้น
สลากกินแบ่งรัฐบาล ในปัจจุบัน
โดยที่ผ่านมา เป็นการออกรางวัล ตัวเลข 7 หลัก แต่ เมื่อปีพ.ศ. 2530 ได้ปรับตัวเลขรางวัลลงมาเหลือ 6 หลัก และปรับราคาจำหน่ายจากฉบับละ 20 บาท เป็นฉบับละ 40 บาท รวมถึงการออกสลากบำรุงการกุศลให้กับหน่วยงานต่างๆ ตามที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลอนุมัติด้วย
กระทั่งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้มีการออกรางวัลแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ในปีพ.ศ. 2546 เพื่อมาแก้ปัญหาหวยใต้ดินและปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยเริ่มมีการจำหน่ายงวดแรก 1 สิงหาคม 2546 – 16 พฤศจิกายน 2549 รวมทั้งหมด 80 งวด
ล่าสุด ในปีพ.ศ. 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2560 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ปรับปรุงขนาดของสลาก โดยจากเดิมเป็นจำหน่ายเป็นคู่ ราคาคู่ละ 80 บาท หรือฉบับละ 40 บาท ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็นฉบับเดียว ราคา 80 บาท ซึ่งเงินรางวัลเมื่อถูกรางวัลขณะนี้ คือ
- รางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล เงินรางวัล 6,000,000 บาท
- ข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลละ 100,000 บาท
- รางวัลที่ 2 จำนวน 5 รางวัล เงินรางวัลละ 200,000 บาท
- รางวัลที่ 3 จำนวน 10 รางวัล เงินรางวัลละ 80,000 บาท
- รางวัลที่ 4 จำนวน 50 รางวัล เงินรางวัลละ 40,000 บาท
- รางวัลที่ 5 จำนวน 100 รางวัล เงินรางวัลละ 20,000 บาท
- รางวัลเลขหน้า 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลละ 100,000 บาท
- รางวัลเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลละ 100,000 บาท
- รางวัลเลขท้าย 2 ตัว จำนวน 1 รางวัล เงินรางวัลละ 100,000 บาท
ต้นกำเนิดสลากกินแบ่งรัฐบาล หวยรัฐบาล ย้อนประวัติสลากกินแบ่งรัฐบาล เริ่มแรกเมื่อปีพ.ศ. 2517 จากถูกรางวัลที่ 1 รางวัล 8,000 บาท มาจนถึงปัจจุบัน ที่มีราคาจำหน่ายฉบับละ 80 บาท เงินรางวัลที่ 1 กว่า 6,000,000 บาท กว่า 147 ปีที่ผ่านมา คนไทยทุกคนต่างรู้จักกับ หวย เป็นอย่างดี และได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง ในยุคเทคโนโลยี 4.0 รูปแบบการซื้อหวยถูกพัฒนามาเป็นการ ซื้อหวยออนไลน์ บนเว็บไซต์ผู้ให้บริการหวยครบวงจร รับซื้อหวยตลอด 24 ชั่วโมง